logo IPST4 IPST4
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
Login
Login / Register
  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
Login
Login / Register
  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • learning space
  • ระบบอบรมครู
  • ระบบการสอบออนไลน์
  • ระบบคลังความรู้
  • สสวท.
  • สำนักงานสลากกินแบ่ง
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • E-Books อื่นๆ
  • Apps
Login
Login / Register
  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
ค้นหา
    

ค้นหาบทเรียน

กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
เลือกหมวดหมู่
    
  • บทเรียนทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ
  • หน้าแรก
  • บทเรียน
  • เคมี
  • น้ำตาลเทียม: ผลดี ผลสียต่อสุขภาพ

น้ำตาลเทียม: ผลดี ผลสียต่อสุขภาพ

โดย :
ศุภาวิตา จรรยา
เมื่อ :
วันศุกร์, 02 ตุลาคม 2563
Hits
1908

             พฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ในเรื่องของการบริโภคเครื่องดื่มเย็นชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม ชาไข่มุกยี่ห้อต่าง ๆ กาแฟ น้ำผลไม้ น้ำแข็งไส ฯลฯ   ซึ่งมีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุได้แก่ การโฆษณาที่ดึงดูดและแพร่หลายอยู่ในสื่อแหล่งต่าง ๆ สภาพภูมิอากาศในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนจึงทำให้ผู้คนจึงนิยมดื่มเครื่องดื่มเย็นเพื่อดับกระหาย จากพฤติกรรมการบริโภคดังกล่าวผู้บริโภคไม่ได้รับแค่ความสดชื่นจากความเย็น หรือความกระปรี้กระเปร่าจากคาเฟอีนเท่านั้น ยังมีอันตรายจากสิ่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเครื่องดื่มเหล่านั้น นั่นคือ น้ำตาลปริมาณสูงมากจากการบริโภคต่อครั้ง      โดยเปรียบเทียบกับแนวทางในการบริโภคที่เหมาะสมสำหรับคนไทย หรือธงโภชนาการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2543 ซึ่งแนวทางดังกล่าวแนะนำให้รับประทานน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ( จดหมายข่าวกรมอนามัย 2549; 7 ) ที่จะสะสมในร่างกาย จนนำไปสู่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น  โรคอ้วน หรือแม้แต่การเป็นโรคเบาหวาน

10320 1

ภาพที่ 1 สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลที่มีขายตามท้องตลาด ซึ่งยี่ห้อนี้ทำมาจากแซคคารีนและซูคราโรส
ที่มา:  ศุภาวิตา  จรรยา 

            สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลหรือน้ำตาลเทียม จึงถูกนำมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกให้คนที่รักษาสุขภาพมากขึ้น แต่ก็ยังมีคำถามว่าการเปลี่ยนมาดื่มเครื่องดื่มที่ผสมสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลนั้น       มีความปลอดภัยต่อร่างกายหรือไม่ บทเรียนนี้จึงขอนำเสนอความรู้เกี่ยวกับสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ซึ่งจะช่วยเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพตนเอง และสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมภายใต้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

            สารให้ความหวานแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามคุณค่าทางโภชนาการ คือ สารให้ความหวานที่มีคุณค่าทางโภชนาการหรือสารให้ความหวานที่ให้พลังงาน ได้แก่พวก น้ำตาลซูโครส ฟรุกโตส กลูโคส ซูการ์แอลกอฮอล์ ( Sugar alcohol ) เช่น พวก ซอร์บิทอล แมนนิทอล ไซลิทอล และ ทากาโลส   เป็นต้น ซึ่งในบทนี้จะไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของน้ำตาลจำพวกนี้ แต่จุดประสงค์หลักจะกล่าวถึงสารให้ความหวานอีกประเภทหนึ่งนั่นก็คือ สารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่ให้พลังงาน เพราะสารเหล่านี้ถูกเลือกบริโภคโดยผู้ชื่นชอบเครื่องดื่มเย็น แต่เป็นคนที่รักสุขภาพ ใส่ใจเรื่องน้ำหนักและโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เกิดจากปริมาณน้ำตาลในเลือด

          สารให้ความหวานกลุ่มที่ไม่ให้พลังงาน มี 5 ชนิดที่องค์การอาหารและยาของอเมริกายอมรับให้ใช้ได้อย่างปลอดภัย ถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยปริมาณสูงสุดต่อวันที่สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เกิดอันตรายใด ๆ เรียกว่า Acceptable daily intake levels หรือ ADI  ดังจะกล่าวรายละเอียดไปพร้อม ๆ ในแต่ละหัวข้อดังนี้

  1. แอสพาร์แทม ( Aspartame ) จริง ๆ แล้วสารนี้ให้พลังงานเท่ากับน้ำตาลคือ 4 กิโลแคลอรี/กรัม แต่เนื่องจากเป็นสารที่ให้ความหวาน 180-200 เท่า จึงใช้ในปริมาณที่น้อยมากจนถือว่าเป็นปริมาณที่ไม่ให้พลังงาน ข้อจำกัดของแอสพาร์แทม คือไม่สามารถใช้ปรุงอาหารขณะที่ร้อน ๆ ได้ เพราะกรดอะมิโนแอสพาร์ติก แอซิด ( aspartic acid ) และฟีนิลอะลานิน ( phenylalanine ) จะสลายตัวเมื่อสัมผัสความร้อนสูง ทำให้เกิดรสขม ระดับ ADI ของแอสพาร์แทมคือ ไม่เกิน 40-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน       จากการศึกษามากกว่า 100 งานวิจัย ได้ข้อสรุปว่าไม่พบความสัมพันธ์ระหว่าง แอสพาร์แทมและการเกิดมะเร็งชนิดใด ๆ ในมนุษย์ แต่มีข้อควรระวังในการใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะฟีนิลคีโตนยูเรีย ( phenylketonuria ) เนื่องจากผู้ที่ป่วยจะไม่มีเอนไซม์ย่อยสารฟีนิลอะลานิน
  2. แซคคารีน ( Saccharin ) หรือ ขัณฑสกร ให้ความหวาน 300 เท่าของน้ำตาล ทนความร้อนได้สูง ปัจจุบันได้รับความนิยมน้อยลง แม้จะมีประกาศว่าการบริโภค แซคคารีนนั้นปลอดภัย แต่ผู้บริโภคหลายกลุ่มยังไม่มั่นใจนัก เพราะได้เคยมีการศึกษาว่าโปรตีนอย่างน้อยหนึ่งชนิดที่พบมากในหนูตัวผู้ รวมกันกับแคลเซียมฟอสเฟตและแซคคารีนแล้วทำให้เกิดผลึกขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อกระเพราะปัสสาวะ และเซลล์ที่กระเพาะปัสสาวะของหนูจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากเพื่อซ่อมแซมตัวเอง ทำให้เกิดเนื้องอกขึ้น

           ใน ค.ศ. 2000 องค์การอาหารและยาสหรัฐยกเลิกคำเตือนเรื่องการใช้งานแซคคารีนเนื่องจากนักวิจัยพบว่าของ pH, Calcium phosphate และโปรตีนในปัสสาวะไม่เหมือนกันกับของมนุษย์ และยังไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดมะเร็งในคนได้ จากนั้นในปี ค.ศ. 2001 องค์การอาหารและยาสหรัฐ และรัฐแคลิฟอร์เนีย          ได้ประกาศว่าแซคคารีนนั้นปลอดภัยต่อการบริโภค

          ส่วนในประเทศไทยมีการใช้แซคคารีนเป็นสารปรุงแต่งรสชาติให้กับอาหารของผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด การได้รับแซคคารีนในปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้ผู้บริโภค     มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินท้องเสีย ปวดท้อง มีอาการง่วงซึม และอาจชักได้  ส่วนผู้ที่แพ้แซคคารีนอาจพบอาการอาเจียน ท้องเดิน และมีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง ระดับ ADI ของแซคคารีน คือไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน

          สำหรับการใช้แซคคารีนในสตรีมีครรภ์ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากมีบางการศึกษาพบว่า      แซคคารีนผ่านรกเข้าไปในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ในสตรีมีครรภ์

  1. อะซิซัลเฟมโพแทสเซียม ( Acesulfame potassium ) ให้ความหวาน 200 เท่าของน้ำตาลทราย มักใช้ร่วมกับสารให้ความหวานตัวอื่น เพื่อลดรสขม และเสริมฤทธิ์ให้มีความหวานเพิ่มขึ้นด้วย โดยนิยมใส่ในเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมทั้งน้ำอัดลม เช่น Pepsi Max, Cocacola Light, Cocacola Zero

          ระดับ ADI ของอะซิซัลเฟมโพแทสเซียม คือไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน อะซิซัลเฟมโพแทสเซียม ไม่ถูกเมแทบอลิซึมหรือเกิดการสะสมในร่างกาย เนื่องจากหลังบริโภคแล้วจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและถูกกำจัดออกมาในรูปเดิม ยังไม่พบรายงานการศึกษาว่ามีอันตรายจากการใช้สารแทนน้ำตาลตัวนี้ทั้งในคนและสัตว์ทดลอง

10320 2

ภาพที่ 2 อะซิซัลเฟม โพแทสเทียม ใช้ร่วมกับแอสพาร์แทม เพื่อลดรสขม และเสริมฤทธิ์ความหวานในเครื่องดื่มต่างๆ รวมทั้งน้ำอัดลมที่มีขายตามท้องตลาดเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุภาพ
ที่มา:  ศุภาวิตา  จรรยา

  1. ซูคราโลส ( Sucralose ) ให้ความหวาน 600 เท่าของน้ำตาล มีรสชาติคล้ายน้ำตาล คงตัวดี และทนต่อความร้อนสูง ไม่ดูดความชื้น ละลายน้ำได้ดี สามารถใช้ปรุงอาหาร โดยให้รสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาลมาก ไม่ทำให้เกิดรสขม เฝื่อนติดปลายลิ้น จึงสามารถนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด เช่น อาหารกระป๋อง ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม ซอส ลูกกวาด หมากฝรั่ง ผลิตภัณฑ์นม แยม เยลลี่ ผักและผลไม้ดอง น้ำตาลสำหรับโรยหน้าขนม เครื่องดื่มต่าง ๆ เป็นต้น

            ระดับ ADI ของซูคราโลส คือไม่เกิน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน เมื่อรับประทานซูคราโรสเข้าไป จะถูกดูดซึมน้อยมาก และปริมาณที่ถูกดูดซึมนั้นจะถูกขับออกมาในรูปเดิมทางปัสสาวะ และปริมาณส่วนใหญ่ที่ไม่ถูกดูดซึมจะถูกขับออกในรูปเดิมทางอุจจาระ ไม่พบอันตรายใด ๆ จากการบริโภคซูคราโรสจากข้อสรุปจากผลการศึกษาทั้งในคนและสัตว์ทดลองมากกว่า 110 การศึกษา รวมทั้งสามารถใช้ได้ในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ป่วยเบาหวาน และ ผู้ป่วยที่มีภาวะฟีนิลคีโตนยูเรีย

  1. นีโอแทม ( Neotame ) ให้ความหวาน 800-1300 เท่าของน้ำตาลทราย จึงเป็นสารให้ความหวานที่หวานมากกว่าสารให้ความหวานตัวอื่น ๆ ทนต่อความร้อนสูง สามารถใช้ปรุงอาหารขณะร้อน ๆ ได้ เป็นสารให้ความหวานตัวใหม่ล่าสุดที่องค์การอาหารและยาสหรัฐอนุญาตให้ใช้ในปี ค.ศ. 2002 สามารถใช้กับอาหารและเครื่องดื่มได้ทุกประเภท ระดับ ADI ของ นีโอแทม คือไม่เกิน 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วันไม่พบอันตรายใด ๆ จากการบริโภคนีโอแทมจากข้อสรุปจากผลการศึกษาทั้งในคนและสัตว์ทดลองมากกว่า 100 การศึกษา

           การใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลทั้ง 5 ชนิดนั้น พบว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย เมื่อรับประทานไม่เกินค่า ADI ที่กำหนดไว้สำหรับน้ำตาลเทียมแต่ละตัว มีข้อดีที่น้ำตาลเทียมเหล่านี้ไม่ให้พลังงาน จึงไม่ทำให้อ้วน และไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ไม่มีผลต่อความหิว ปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวัน จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่มีปัญหาความอ้วน และผู้ที่รักษาสุขภาพในการเลือกบริโภคอาหารที่ยังมีรสหวาน แต่ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฟีนิล    คีโตนยูเรีย ( phenylketonuria ) ในการบริโภคแอสพาร์แทม และ การใช้แซคคารีนในสตรีมีครรภ์

แหล่งที่มา

วรรณคล  เชื้อมงคล.  สารให้ความหวาน:การใช้และความปลอดภัย. Thai Pharmaceutical and Health Science Journal, Vol. 3 No. 1, Jan. – Apr. 2008, หน้า 161-167

วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี. แซกคารีน.  สืบค้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/แซกคารีน

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. แซคคารีนคืออะไร?.  สืบค้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 . จาก https://www.nstda.or.th/th/vdo-nstda/science-day-techno/4081-saccharin

อภัย ราษฎรวิจิตร. แซกคาริน (Saccharin). สืบค้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 . จาก http://haamor.com/th/แซกคาริน/

หัวเรื่อง และคำสำคัญ
แอสพาร์แทม, แซคคารีน , อะซิซัลเฟมโพแทสเซียม, ซูคราโลส, นีโอแทม
ประเภท
Text
รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท.
สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล
ลิขสิทธิ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
วันที่เสร็จ
วันอาทิตย์, 28 เมษายน 2562
ผู้แต่ง หรือ เจ้าของผลงาน
ศุภาวิตา จรรยา
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
เคมี
ระดับชั้น
ม.1
ม.2
ม.3
ม.4
ม.5
ม.6
ช่วงชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น
มัธยมศึกษาตอนปลาย
กลุ่มเป้าหมาย
ครู
นักเรียน
บุคคลทั่วไป
  • 10320 น้ำตาลเทียม: ผลดี ผลสียต่อสุขภาพ /lesson-chemistry/item/10320-2019-05-13-05-58-02
    คลิ๊กเพื่อติดตาม
    เพิ่มในรายการโปรด
  • ให้คะแนน
    คะแนนเฉลี่ย
    • 1
    • 2
    • 3
    • 4
    • 5
    • Share
    • Tweet
    • Share

คุณอาจจะสนใจ
Recently added
  • สนุกคิดคณิตศาสตร์ ตอน การแยกตัวประกอบ...
  • AQ ทักษะสำคัญในยุคเทคโนโลยี AI...
  • รู้ไว้ใช่ว่า “ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคงอยู่ของเชื้อโรค”...
  • สนุกคิดคณิตศาสตร์ ตอน ตัวประกอบ และจำนวนเฉพาะ...
  • วิธีการเลือกดอกไม้ของผึ้ง...
อ่านต่อ..

ค้นหาบทเรียน

กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
  • บทเรียนทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ
  • เกี่ยวกับ SciMath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
  • คำถามที่พบบ่อย
Scimath คลังความรู้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่แสวงหากำไร ได้จัดทำเว็บไซต์คลังความรู้ SciMath เพื่อส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษา โดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลัก หากท่านพบว่ามีข้อมูลหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST), Ministry of Education, a non-profit organization under the Thai government, developed SciMath as a website that provides educational resources in Science, Mathematics and Technology. IPST invites visitors to use its online resources for personal, educational and other non-commercial purpose. If there are any problems, please contact us immediately.

Copyright © 2018 SCIMATH :: คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. , All Rights Reserved. 
อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. (ให้บริการในวันและเวลาราชการเท่านั้น)